ฌอน ไดช์ ผู้จัดการทีมฟอเรสต์ ต้องปรับทัพถึง 7 ตำแหน่งจากเกมที่เสมอแมนฯ ยูไนเต็ด เมื่อสุดสัปดาห์ก่อน แต่ถึงอย่างนั้น “เจ้าป่า” ก็ยังเป็นฝ่ายครองเกมและสร้างโอกาสได้มากกว่า โดยจังหวะสำคัญเกิดขึ้นในนาทีที่ 35 เมื่อ เอ็มมานูเอล ไอวู ของเจ้าบ้านทำแฮนด์บอลในเขตโทษ ผู้ตัดสินชี้เป็นจุดโทษทันที ทว่า กิ๊บส์-ไวท์ กัปตันทีม ยิงเบาเกินไป ทำให้ โอลิเวอร์ คริสเตนเซน นายด่านสตวร์ม กราซ พุ่งเซฟไว้ได้ และ ไรอัน เยตส์ ซ้ำไม่ทัน

ก่อนหน้านั้น ฟอเรสต์มีโอกาสทองจากลูกฟรีคิกที่ เจมส์ แม็คเอที ได้ยิงเฉี่ยวเสาไปนิดเดียว รวมถึงจังหวะเตะมุมที่ นิโคลา มิลินโควิช โขกชงให้ เยตส์ โหม่ง แต่ถูก อาร์ยาน มาลิช สกัดจากเส้นได้ทัน ขณะที่ช่วงท้ายเกม นิโคลัส โดมิงเกซ ได้ซัดไกลบอลแฉลบชนคานอย่างจัง พลาดชัยไปอย่างน่าเสียดาย

ฝั่งเจ้าถิ่นเกือบได้ประตูนำก่อนจากจังหวะที่ มอริซ มาโลน ซ้ำลูกเซฟของผู้รักษาประตู จอห์น วิคเตอร์ เข้าประตู แต่ผู้ตัดสินยกธงล้ำหน้าไปก่อน

ผลเสมอนี้ทำให้ ฟอเรสต์ มี 5 คะแนน อยู่อันดับ 18 ของตารางคะแนนรวมยูโรปาลีก ขณะที่ สตวร์ม กราซ ตามหลังเพียงแต้มเดียวในอันดับ 23

วิเคราะห์หลังเกม: แข้งใหม่ฟอเรสต์ยังไม่เปล่งประกาย
ด้วยการขาดกองหน้าตัวหลัก อิกอร์ เฆซุส (ติดโทษแบน) และ คริส วู้ด (บาดเจ็บ) ทำให้ อาร์โนด์ คาลิมูเอนโด้ ดาวยิงค่าตัว 26 ล้านปอนด์จากแรนส์ ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงครั้งแรก แต่ยังไม่สามารถสร้างความแตกต่างได้ โดยมีเพียง 7 ครั้งที่ได้สัมผัสบอลในครึ่งแรก แม้ทีมจะครองบอลมากกว่า 55% ก็ตาม

โอกาสดีที่สุดของเขามาในครึ่งหลังจากจังหวะที่ เนโก้ วิลเลียมส์ แทงทะลุแนวรับให้หลุดเดี่ยว แต่เจ้าตัวกลับไม่กล้ายิงทันที แสดงให้เห็นถึงความฝืดจากการขาดเกมลงสนามต่อเนื่อง

ด้าน เจมส์ แม็คเอที กองกลางดาวรุ่งที่ย้ายมาจากแมนฯ ซิตี้ ก็ยังไม่สามารถพิสูจน์ตัวเองได้เช่นกัน ทั้งที่มีโอกาสยิงนำตั้งแต่ 10 นาทีแรกแต่พลาดไปอย่างน่าเสียดาย โดยสถิติความแม่นยำในการจ่ายบอลเพียง 70% สะท้อนถึงฟอร์มที่ยังต่ำกว่ามาตรฐาน

แม้จะเก็บได้เพียงแต้มเดียว แต่ฟอเรสต์ยังมีโอกาสผ่านเข้ารอบ หากสามารถคืนฟอร์มเก่งและแก้ปัญหาความเฉียบคมในเกมรุกได้ในนัดต่อไป